วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Internet อินเตอร์เน็ต

ประวัติอินเตอร์เน็ต
                ปี พ.ศ. 2500 (1957) โซเวียดได้ปล่อยดาวเทียม Sputnik ทำให้สหรัฐอเมริกาได้ตระหนักถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น ดังนั้น ค..ศ. 2512 (1969) กองทัพสหรัฐต้องเผชิญหน้ากับความเสี่ยงทางการทหาร และความเป็นไปได้ในการถูกโจมตี ด้วยอาวุธปรมาณู หรือนิวเคลียร์ การถูกทำลายล้าง ศูนย์คอมพิวเตอร์ และระบบการสื่อสารข้อมูล อาจทำให้เกิดปัญหาทางการรบ และในยุคนี้ ระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีหลากหลายมากมายหลายแบบ ทำให้ไม่สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร และโปรแกรมกันได้ จึงมีแนวความคิด ในการวิจัยระบบที่สามารถ เชื่อมโยงเครื่องคอมพิวเตอร์ และแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างระบบที่แตกต่างกันได้ ตลอดจนสามารถรับส่งข้อมูลระหว่างกัน ได้อย่างไม่ผิดพลาด แม้ว่าคอมพิวเตอร์บางเครื่อง หรือสายรับส่งสัญญาณ เสียดายหรือถูกทำลาย กระทรวงกลาโหมอเมริกัน (DoD = Department of Defense) ได้ให้ทุนที่มีชื่อว่า DARPA (Defense Advanced Research Project Agency) ภายใต้การควบคุมของ Dr. J.C.R. Licklider ได้ทำการทดลอง ระบบเครือข่ายที่มีชื่อว่า DARPA Network และต่อมาได้กลายสภาพเป็น ARPANet (Advanced Research Projects Agency Network) และต่อได้มาพัฒนาเป็น INTERNET ในที่สุด
   การเริ่มต้นของเครือข่ายนี้ เริ่มในเดือน ธันวาคม 2512 (1969) จำนวน 4 มหาวิทยาลัย ได้แก่
          - มหาวิทยาลัยยูทาห์
          - มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่ซานตาบาบารา
          - มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่ลอสแองเจลิส
          - สถาบันวิจัยของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด
และขยายต่อไปเรื่อยๆ เป็น 50 จุดในปี พ.ศ. 2515 จนเป็นหลายล้านแห่งทั่วโลกทีเดียว
งานหลักของเครือข่ายนี้ คือ การค้นคว้าและวิจัยทางทหาร ซึ่งอาศัยมาตรฐานการรับส่งข้อมูลเดียวกัน ที่เรียกว่า Network Control Protocol (NCP) ทำหน้าที่ควบคุมการรับส่งข้อมูล การตรวจสอบความผิดพลาดในการส่งข้อมูล และตัวกลางที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องเข้าด้วยกัน และมาตรฐานนี้ก็มีจุดอ่อนในการขยายระบบ จนต้องมีการพัฒนามาตรฐานใหม่
  

การรวมเครือข่ายเข้าด้วยกันและกำเนิดอินเทอร์เน็ต
 TCP/IP
ได้มีความพยายามที่จะรวมวิธีติดต่อของเครือข่ายต่าง ๆ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วเข้าด้วยกัน โดยรอเบิร์ต อี. คาห์นจากดาร์พาและอาร์พาเน็ตได้ขอตัววินต์ เซิร์ฟจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเพื่อทำงานร่วมกับเขาเพื่อแก้ปัญหานี้ ใน ค.ศ. 1973 ทั้งสองได้พัฒนาแนวทางแก้ไขขั้นมูลฐานขึ้น โดยในแนวทางนี้ ความแตกต่างระหว่างเกณฑ์วิธีต่าง ๆ จะถูกซ่อนไว้โดยใช้เกณฑ์วิธีระหว่างเครือข่ายแบบใดแบบหนึ่งร่วมกัน และแทนที่ตัวเครือข่ายจะรับผิดชอบเรื่องความเชื่อถือได้ของข้อมูลอย่างในอาร์พาเน็ต โฮสต์จะเป็นผู้รับผิดชอบแทน เซิร์ฟยกความดีความชอบเกี่ยวกับงานสำคัญ ๆ ในการออกแบบเกณฑ์วิธีนี้ให้แก่ ฮิวเบิร์ต ซิมเมอร์แมนเชราร์ เลอลาน และลุย ปูแซง (ผู้ออกแบบเครือข่าย CYCLADES)

เมื่อบทบาทของตัวเครือข่ายได้ถูกลดลงจนเหลือน้อยที่สุดแล้ว จึงเป็นไปได้ที่จะเชื่อมเครือข่ายใด ๆ แทบทุกแบบเข้าด้วยกัน ไม่ว่าคุณลักษณะของเครือข่ายนั้น ๆ จะเป็นเช่นไร อันเป็นการแก้ปัญหาขั้นต้นที่คาห์นตั้งไว้ ดาร์พาได้เห็นชอบที่จะให้เงินทุนในการพัฒนาซอฟต์แวร์ต้นแบบ และหลังจากการลงแรงเป็นเวลาหลายปี จึงได้มีการสาธิตเกตเวย์อย่างหยาบ ๆ เป็นครั้งแรกระหว่างเครือข่ายแพกเกตเรดิโอในซานฟรานซิสโกเบย์แอเรียกับอาร์พาเน็ต ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1977 ได้มีการสาธิตการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายสามแห่ง ซึ่งได้แก่ อาร์พาเน็ตเครือข่ายแพกเกตเรดิโอ และเครือข่ายแอตแลนติกแพกเกตแซเทลไลต์ ซึ่งทั้งหมดอุปถัมภ์โดยดาร์พา ในส่วนของเกณฑ์วิธี เริ่มต้นจากข้อกำหนดคุณลักษณะรุ่นแรกของ TCP ใน ค.ศ. 1974 เกณฑ์วิธี TCP/IP ได้ก่อตัวเป็นรูปร่างซึ่งใกล้เคียงกับรูปแบบสุดท้ายในประมาณกลางปีถึงปลายปี ค.ศ. 1978 มาตรฐานที่เกี่ยวข้องได้ตีพิมพ์เป็นอาร์เอฟซี 791792 และ 793 และได้ถูกนำไปใช้ ดาร์พาได้อุปถัมภ์หรือส่งเสริมการพัฒนาการนำ TCP/IP ไปใช้จริงในระบบปฏิบัติการต่าง ๆ จากนั้นจึงได้กำหนดตารางเวลาในการโยกย้ายโฮสต์ทุกตัวในเครือข่ายแพกเกตของตนไปใช้ TCP/IP ในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1983 เกณฑ์วิธี TCP/IP ได้กลายเป็นเกณฑ์วิธีเดียวที่ได้รับการรับรองบนอาร์พาเน็ต แทนที่เกณฑ์วิธี NCP ที่ใช้แต่เดิม

อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย
อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยเริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2530 โดยการเชื่อมต่อมินิคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) ไปยังมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย แต่ในครั้งนั้นยังเป็นการ เชื่อมต่อโดยผ่านสายโทรศัพท์ ซึ่งสามารถส่งข้อมูลได้ช้าและไม่เป็นการถาวร จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2535 ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) ได้ทำการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับมหาวิทยาลัย 6 แห่ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์,ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ(NECTEC), มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เข้าด้วยกันเรียกว่า "เครือข่ายไทยสาร" การให้บริการอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยได้เริ่มต้นขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ เดือน มีนาคม พ.ศ. 2538 โดยความร่วมมือของรัฐวิสาหกิจ 3 แห่ง คือ การสื่อสารแห่งประเทศไทย องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย และสำนักงานส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยให้บริการในนาม บริษัท อินเทอร์เน็ต ประเทศไทย (Internet Thailand) เป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเชิงพาณิชย์รายแรกของประเทศไทย
จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย
จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงดังนี้ ปี 2534 (30คน) ปี 2535 (200 คน) ปี 2536 (8,000 คน) ปี 2537 (23,000 คน) ... ข้อมูลล่าสุดของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2551 จากจำนวนประชากรอายุ 6 ปีขึ้นไปประมาณ 59.97 ล้านคน พบว่า มีผู้ใช้คอมพิวเตอร์ 16.99 ล้านคน คิดเป็น ร้อยละ 28.2 และมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 10.96 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 18.2

บริการอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย ได้แก่
อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง    
ADSL :  Asymmetric Digital  Subscriber  Line เป็นเทคโนโลยีของ Modem แบบใหม่ ที่เปลี่ยนโฉมหน้าของสายโทรศัพท์ที่ทำจากลวดทองแดง ให้เป็นเส้นสัญญาณนำส่งข้อมูลความเร็วสูง โดย ADSL สามารถจัดส่งข้อมูลจากผู้ให้บริการด้วยความเร็วมากกว่า 6 Mbps ไปยังผู้รับบริการ หมายความว่า ผู้ใช้บริการสามารถ Download ข้อมูลด้วยความเร็วสูงมากกว่า 6 Mbps ขึ้นไปจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต หรือผู้ให้บริการข้อมูลทั่วไป (ส่วนจะได้ความเร็ว กว่า 6 Mbps หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ รวมทั้งระยะทางการเชื่อมต่ออีกด้วย) ความเร็วขณะนี้ มากเพียงพอสำหรับงานต่างๆ ดังต่อไปนี้ 
• งาน Access เครือข่าย อินเทอร์เน็ต
• การให้บริการแพร่ภาพ Video เมื่อร้องขอ (Video On Demand)
• ระบบเครือข่าย LAN
• การสื่อสารข้อมูลระหว่างสถานที่ทำงานกับบ้าน (Telecommuting)


WAP   :  Wireless Application Protocol เป็น Protocol ที่เป็นมาตรฐานสากล ที่เกิดจากความร่วมมือกันของ หลายๆบริษัท ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือ เพื่อนำเอาลูกเล่นหรือ ความสามารถ ต่างๆ ของ Wireless Application และ ของทางด้าน Internet ให้มาใช้ได้ บนเครื่องโทรศัพท์มือถือ WAP จะทำให้ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ ใช้งานทางด้าน Internet ทั่วๆไปได้ เหมือนๆกับใช้งานผ่านทาง เครื่องคอมพิวเตอร์ โดยที่ WAP นั้นไม่ต้องการ CPU ที่มีประสิทธิภาพ สูงๆ ไม่ต้องการหน่วยความจำมากๆ ไม่ต้องการแหล่งพลังงานมาก แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่หลายเรื่องด้วยเช่นกันที่อาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกแปลกและ ติดขัดบ้าง เช่น ข้อจำกัดด้าน Bandwidth, มี Display ขนาดเล็ก และ มีส่วนของการป้อนข้อมูลเข้า ( Input ) ที่แตกต่างจากการใช้งาน บนคอมพิวเตอร์อยู่พอสมควร แต่จุดเด่นของ WAP นั้น ก็คือทำให้ ใช้งานได้ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ซึ่งสามารถพกพา หรือนำไปใช้งาน ณ ที่ไหนๆ ก็ได้ ซึ่งจุดนี้ ก็น่าจะหักล้างกับข้อจำกัดต่างๆลงได้
WAP นั้นถูกออกแบบมาเพื่อให้ใช้กับอุปกรณ์ไร้สายต่างๆ ไม่จำกัดเพียงแค่โทรศัพท์มือถือเท่านั้น หากยังรวมไปถึง วิทยุติดตามตัว (Pager), วิทยุรับส่งที่เรียกว่า Two-Way Radio, Smartphone และรวมไปถึงอุปกรณ์สือสารต่างๆ ตั้งแต่ระดับ Low-End จนถึง High-End เลยทีเดียว ซึ่ง ระบบ Network ที่ใช้กับ WAP ได้นั้น ก็ใช้ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้ง CDPD, CDMA, GSM, PDC, PHS, TDMA, FLEX, ReFLEX, iDEN, TETRA, DECT, DataTAC และ Mobitex. WAP เป็น Protocol สำหรับการสื่อสาร ซึ่งสามารถใช้งานได้กับระบบปฏิบัติการ ( OS : Operating ) ต่างๆ ได้หลากหลาย ทั้ง PalmOS, EPOS, Windows CE, FLEXOS, OS/9, JavaOS และอื่นๆ อีก WAP นั้นจะช่วยสนับสนุน Bearer หลักๆ ในการส่ง Message เช่น Short Message Service ( SMS ) , Circuit Switched Data, Unstructured Supplementary Services Data ( USSD ) และ ในอนาคตอันใกล้ ก็จะสนับสนุน General Packet Radio Services ( GPRS ) อีกด้วย และ นอกจากนี้ ก็ยังมีการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ ต่างๆ มาใช้กับโทรศัพท์มือถือ มากขึ้น โดยอาศัย WAP และ เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการส่ง Message เข้ามาช่วยในการทำงานอีกด้วย เช่น HSCSD, EDGE และ WCDMA

ISP (Internet Service Provider)
ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเชิงพานิชย์   โดยให้เช่าเวลาและบริการต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ต 
ได้แก่  Internet Thailand,  KSC, CS ,Loxifo, A-Net, Samart Cybernet , Info News, Siam Global Acess, Line Thai, Asia Online   

อินทราเน็ต (INTRANET)

อินทราเน็ตเป็นการจำลองลักษณะของอินเทอร์เน็ตมาเป็นเครือข่ายภายในและใช้งานโดยบุคคลากรของบริษัท  ผู้คนในบริษัทจะทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลในองค์กรเฉพาะเครือข่ายของบริษัทตนเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับองค์กรอื่น  ทั้งที่อยู่ในสำนักงานเดียวกันหรือต่างสาขาหรือ จะอยู่คนละภูมิภาคก็สามารถสื่อสารกัน  (Interfacing)   ได้ เหมือนอินเทอร์เน็ตทั่วไป ด้วย Function การ Log-in มีระบบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์    มี Account ให้พนักงานแต่ละคนใช้ส่วนตัว มีระบบโต้ตอบและสนทนาได้อัตโนมัติIntranet เป็นเว็บไซต์ที่อยู่ภายในบริษัท พนักงานสามารถเข้ามาใช้งานได้ แต่บุคคลภายนอกไม่สามารถเข้าใช้ได้ ข้อมูลในเว็บไซต์อาจจะบันทึกการทำงาน การขาด หรือลาป่วย ของพนักงาน แต่ละคน ซึ่งสามารถเข้ามาเช็คได้...

ข้อดีของอินทราเนต  ได้แก่ การเป็นส่วนตัว (Privacy) ในระดับองค์กร แต่ในขณะเดียวกันสามารถเชื่อมต่อกับระบบอินเทอร์เน็ตภายนอกได้ โดยอาศัย Protocol มาตรฐาน TCP/IP เหมือนกัน

เอ็กซ์ทราเน็ต (EXTRANET)
เอ็กซ์ทราเน็ต เป็นอีกลักษณะของระบบเครือข่ายที่เป็นระบบสารสนเทศระหว่างองค์กร (Inter-Organization ; I-OIS) ใช้สำหรับการติดต่อสื่อสารข้อมูลระหว่างองค์กรที่มีความสัมพันธ์กัน ต้องการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ติดต่อธุรกรรมกันเป็นประจำ  ระหว่างพนักงาน บริษัทคู่ค้า   บริษัทลูกค้า หรือบริษัทที่เป็นพันธมิตรกัน ระบบเอ็กทราเนตอาศัยโครงสร้างของอินทราเนตและอินเทอร์เน็ตในสื่อสารระหว่างองค์กรซึ่งจะต้องมีการเข้ารหัสต่างๆ เพื่อขออนุญาตเข้าใช้เครือข่าย  มีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลในองค์กรระหว่างกัน นิยมใช้ในกลุ่มธุรกิจที่มีลักษณะเป็นพันธมิตรทางการค้า(Alliance) ที่อาศัยข้อมูลร่วมกัน  (Collaboration Commerce; C-Commerce)  เช่น ข้อมูลสต็อกสินค้า ข้อมูลลูกค้า  และมีฟังก์ชั่นการทำงานในลักษณะโต้ตอบสนทนาแบบ Real time

การบริการบนอินเทอร์เน็ต (Internet)
บริการบนอินเทอร์เน็ตมีหลายประเภท เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ได้เลือกใช้ให้เหมาะสมกับลักษณะงาน ซึ่งในที่นี้จะยกตัวอย่างบริการบนอินเทอร์เน็ตที่สำคัญดังนี้
-  World Wide Web เป็นเครือข่ายย่อยของอินเทอร์เน็ตที่เกิดขึ้นในปี 1989 โดยทิม เบอร์เนอร์ ลี นักวิศวกรรมซอฟต์แวร์จากห้องปฏิบัติการ        ทางจุลภาคฟิสิกส์แห่งยุโรปหรือ  CERN (Conseil Europeanpour la Recherche Nucleaire) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยใช้ตัวอักษรและภาพกราฟิก ข้อมูลจะอยู่ในลักษณะของมัลติมีเดีย แสดงผลในรูปของ hypertext links

- เว็บเซอร์เวอร์ Web-Server     หมายถึง  คอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์อินเทอร์เน็ตในการให้บริการข้อมูลข่าวสาร ทั้งภาพและเสียงไปยังที่ต่าง ๆ  โดยเข้าถึงข้อมูลได้ด้วย  Web-Browser   เป็นการติดต่อระหว่างผู้ใช้กับ Server  ผ่านไปยัง Modemบราวเซอร์ (Browser)  หมายถึง โปรแกรมที่เป็นเครื่องมือสำหรับเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตWeb  Browser   ได้แก่  Netscape ,  Microsoft Internet Explorer   Mosaic   Opera


1.บริการด้านการสื่อสาร
        1.1 ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์(electronic mail)
        ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์หรือเรียกกันโดยทั่วไปว่าอีเมล์ (E-mail) ถือได้ว่าเป็นกิจกรรมประจำวันของผู้ใช้อินเตอร์เน็ต ซึ่งการส่งและรับจดหมาย หรือข้อความถึงกันได้ทั่วโลกนี้จำเป็นจะต้องมีที่อยู่อีเมล์ (e-mail address หรือ e-mail account) เพื่อใช้เป็นกล่องรับจดหมาย ที่อยู่ของอีเมล์จะประกอบ ด้วยส่วนประกอบสำคัญ 2 ส่วน คือ ชื่อผู้ใช้ (User name) และชื่อโดเมน(Domain name) ซึ่งเป็นชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีรายชื่อของผู้ใช้อีเมล์ โดยชื่อผู้ใช้และชื่อโดเมนจะคั่นด้วยเครื่องหมาย @(อ่านว่า แอ็ท) เช่น Sriprai@sukhothai.siamu.ac.th จะมีผู้ใช้อีเมล์ชื่อ Sriprai ที่มีอยู่อีเมล์ ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ชื่อ sukhothai ของมหาวิทยาลัยสยาม(siamu) ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษา (ac) ในประเทศไทย (th)



     
    ในการรับ-ส่งจดหมาย โดยผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้น ได้มีการพัฒนาโปรแกรมที่ใช้สำหรับอีเมล์อยู่หลายโปรแกรม เช่น โปรแกรม Microsoft Outlook Express โปรแกรม Netscape Mail เป็นต้น นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถลงทะเบียนเพื่อขอรับที่อยู่อีเมล์ได้ฟรีจากเว็บไซต์ที่ให้บริการที่อยู่อีเมล์ฟรี เว็บไซต์ที่เป็นที่รู้จักและนิยม ได้แก่ www.hotmail.com, www.chaiyo.com, www.thaimail.comโดยทั่วไปแล้ว ส่วนประกอบหลัก ๆ ของอีเมล์จะประกอบด้วยส่วนหัว (header) และส่วนข้อความ (message)

รายชื่อกลุ่มสนทนา (mailing lists)
        mailing lists เป็นกลุ่มสนทนาประเภทหนึ่งบนอินเทอร์เน็ตที่มีการติดต่อสื่อสารและการส่งข่าวสารให้กับสมาชิกตามรายชื่อและที่อยู่ของสมาชิกที่มีอยู่ ในรายการซึ่งในปัจจุบันมีกลุ่ม mailing lists ที่แตกต่างกันตามความสนใจจำนวนมาก การเข้าไปมีส่วนร่วมในกลุ่มสนทนาประเภทนี้ ผู้ใช้จะต้อง สมัครสมาชิกก่อนด้วยการแจ้งความประสงค์และส่งชื่อและที่อยู่เพื่อการลงทะเบียบไปยัง subscription address ของ mailing lists ตัวอย่าง mailing list เช่น ทัวร์ออนไลน์ (tourbus@listserv.aol.com)กลุ่มสนทนาเรื่องตลก (dailyjoke@lists.ivllage.com)

กระดานข่าว (usenet)
        ยูสเน็ต (usenet หรือ user network) เป็นการรวบรวมของกลุ่มข่าวหรือ newsgroup ซึ่งเป็นกลุ่มผู้สนใจที่ต้องการจะติดต่อและแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นกับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตคนอื่น ๆ กลุ่มของ newsgroup ในปัจจุบันมีมากกว่า 10,000 กลุ่มที่มีความสนใจในหัวข้อที่แตกต่างกัน เช่น กลุ่มผู้สนใจศิลปะ กลุ่มคอมพิวเตอร์ กลุ่มผู้ชื่นชอบภาพยนต์ เป็นต้น

        การส่งและรับแหล่งข่าวจาก usenet จะใช้โปรแกรมสำหรับอ่านข่าวเพื่อไปดึงชื่อของกลุ่มข่าวหรือหัวข้อจากเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่ผู้ใช้เข้าไปขอใช้บริการ

        เช่นเดียวกับระบบชื่อโดเมน (DNS) กลุ่มข่าวจะมีการตั้งชื่อเพื่อใช้เป็นแบบมาตรฐาน ซึ่งชื่อกลุ่มจะประกอบด้วยส่วนประกอบหลัก ๆ คือ ชื่อหัวข้อกลุ่มข่าวหลัก (major topic) ชื่อกลุ่มข่าวย่อย (subtopic) และประเภทของกลุ่มข่าวย่อย (division of subtopic) ตัวอย่างเช่น

การสนทนาออนไลน์(On-line chat)
        การสนทนาออนไลน์ เป็นบริการหนึ่งบนอินเทอร์เน็ตที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถคุยโต้ตอบกับผู้ใช้คนอื่น ๆ ได้ในเวลาเดียวกัน (real-time) การสนทนาหรือ chat (Internet Relay Chat หรือ IRC)ได้มีการพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันการสนทนาระหว่างบุคคลหรือ กลุ่มบุคคลสามารถใช้
ภาพกราฟิก ภาพการ์ตูนหรือภาพเคลื่อนไหวต่าง ๆ แทนตัวผู้สนทนาได้ นอกจากการสนทนาแล้ว ผู้ใช้ยังสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลและไฟล์ได้อีกด้วย

        การใช้งาน IRC ผู้ใช้จะต้องติดต่อไปยังเครื่องที่เป็นไออาร์ซีเซิร์ฟเวอร์ (IRC server) ที่มีการแบ่งห้องสนทนาเป็นกลุ่ม ๆ ที่เรียกว่า แชนแนล (channel) โดยผู้ใช้จะต้องมีโปรแกรมเพื่อใช้สำหรับการสนทนา (ซึ่งสามารถดาวน์โหลดฟรีจากอินเทอร์เน็ต) เมื่อผู้ใช้ติดต่อกับเครื่องเซิร์ฟเวอร์ได้แล้ว ก็จะเลือกกลุ่มสนทนาหรือหัวข้อสนทนาที่สนใจ และเริ่มสนทนาได้ตามความต้องการ ตัวอย่าง โปรแกรมสนทนาออนไลน์ที่นิยมใช้กัน ในปัจจุบัน เช่น ICQ(I Seek You) และ mIRC

        การสนทนาผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในปัจจุบันผู้ใช้สามารถใช้สื่อประสม (multimedia) ประกอบด้วย เสียงพูด และภาพเคลื่อนไหว โดยใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ไมโครโฟน ลำโพง กล้องวีดีโอ และอื่น ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและเพื่อประสิทธิภาพของการสนทนา ให้ดียิ่งขึ้น ในส่วนของโปรแกรม ได้มีการพัฒนาโปรแกรมเพื่อการสนทนาออนไลน์ที่มีคุณภาพ เช่น โปรแกรม Microsoft NetMeeting ที่สามารถสนทนากันไปพร้อม ๆ กับมองเห็นภาพของคู่สนทนาได้ด้วย

เทลเน็ต (telnet)
        เทลเน็ตเป็นบริการที่ให้ผู้ใช้สามารถใช้บริการเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ระยะไกล โดยจะใช้การจำลองเครื่องคอมพิวเตอร์ที่กำลังใช้งานอยู่ ให้เป็นจอภาพ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ระยะไกลเครื่องนั้น การทำงานในลักษณะนี้ จะช่วยประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในกรณีที่ต้องเดินทางไปใช้งาน เครื่องคอมพิวเตอร์ระยะไกล การใช้งานเทลเน็ตจะเป็นการแสดงข้อความตัวอักษร (text mode) โดยปกติการเข้าไปใช้บริการเครื่องคอมพิวเตอร์ ระยะไกล จำเป็นต้องมีรายชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน แต่ก็มีบางหน่วยงานที่อนุญาติให้เข้าใช้บริการโดยไม่ต้องระบุรหัสผ่านเพื่อ เป็นการให้บริการข้อมูลแก่ลูกค้าทั่ว ๆ ไป


บริการด้านข้อมูลต่าง ๆ
การขนถ่ายไฟล์(file transfer protocol)
        การขนถ่ายไฟล์ หรือที่เรียกสั้น ๆว่า เอฟทีพี (FTP) เป็นบริการที่ใช้สำหรับการแลกเปลี่ยนไฟล์ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ทางอินเตอร์เน็ต เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ให้บริการไฟล์จะเรียกว่า เอฟทีพีเซิร์ฟเวอร์ (FTP sever หรือ FTP site)
        ข้อมูลที่ให้บริการขนถ่ายไฟล์จะมีลักษณะหลายรูปแบบ ได้แก่ ข้อมูลสถิติ งานวิจัย บทความ เพลง ข่าวสารทั่วไป หรือโปรแกรมฟรีแวร์ (freeware) ที่สามารถดาวน์โหลดและใช้โปรแกรมฟรี
        ในบางครั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ให้บริการขนถ่ายไฟล์จะให้บริการเฉพาะบุคคลที่มีบัญชีรายชื่ออยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่ก้ฒีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ให้บริการขนถ่ายไฟล์จำนวนมากอนุญาตให้ผู้ใช้ทั่วไปได้เข้าไปใช้บริการ ถึงแม้ว่าในบางครั้งจะไม่อนุญาต ให้ขนถ่ายไฟล์ทั้งหมดก็ตาม
โกเฟอร์ (gopher)
        เป็นโปรแกรมประยุกต์ที่ให้บริการข้อมูลในลักษณะของการค้นหาจากเมนู(menu-based search) จากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ให้บริการข้อมูล โปรแกรมโกเฟอร์พัฒนาโดยมหาวิทยาลัย Minnesota ในปี ค.ศ. 1991 เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ให้บริการฐานข้อมูลจะเป็นลักษณะของเมนูลำดับชั้น (hierarchy) เพื่อเชื่อมโยงไปยังแหล่งข้อมูลอื่น ๆ ที่กระจายกันอยู่หลายแหล่งได้
อาร์ซี (archie)
        อาร์ซี เป็นการเข้าใช้บริการค้นหาข้อมูลจากเครื่องแม่ข่ายที่เป็นอาร์ซีเซิร์ฟเวอร์ (archie sever ) ซึ่งเป็นแหล่งที่ช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาสถานที่ของข้อมูล จากนั้นก็จะไปค้นข้อมูลโดยตรงจากสถานที่นั้นต่อไป
WAIS (Wide Area Information Severs)
        WAIS เป็นบริการค้นหาข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลที่อยู่บนอินเทอร์เน็ตที่ได้รวบรวมข้อมูลและดรรชนีสำหรับสืบค้นข้อมูลจากฐานข้อมูลต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้เพื่อสามารถเข้าไปยังข้อมูลที่ต้องการและสามารถเชื่อมโยงไปยังศูนย์ข้อมูล WAIS อื่นๆ ได้ด้วย
veronica
        veronica ย่อมาจาก very easy rodent-oriented net-wide index to computerized archives เป็นบริการที่รวบรวมข้อมูลเพื่อช่วยอำนวย ความสะดวกในการค้นหาสิ่งที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว
การค้นหาข้อมูลโดยใช้เว็บเบราเซอร์
        อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายใยแมงมุมที่มีการเชื่อมโยงแหล่งข้อมูลที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วโลก การค้นหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ถ้าผู้ใช้ไม่ทราบที่อยู่ของเว็บไซต์ ก็สามารถค้นหาแหล่งข้อมูลโดยใช้บริการค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้กล่าวมาแล้วปัจจุบันการค้นหาข้อมูลที่ต้องการเป็นเรื่อง ที่กระทำได้สะดวกและรวดเร็ว การพัฒนาเว็บไซต์ที่ช่วยสืบค้นแหล่งข้อมูลที่เรียกว่า เครื่องค้นหา (search engine) ช่วยให้การค้นหาทั้งในรูปของ ข้อความและกราฟิกกระทำได้โดยง่าย เว็บไซต์ที่ช่วยสำหรับการสืบค้นข้อมูลที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ได้แก่ yahoo.com, altavista.com, lycos.com, excite.com, ask.com, infoseek.ccom

ประโยชน์และโทษของอินเทอร์เน็ต

ประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต(ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ : NECTEC) ได้กล่าวถึงประโยชน์ของเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ดังนี้
·   สามารถใช้เป็นแหล่งค้นคว้าหาข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูลด้านการบันเทิง ด้านการแพทย์และอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
·   ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตจะทำหน้าที่เสมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่
·   นักศึกษาในมหาวิทยาลัย สามารถใช้อินเทอร์เน็ต ติดต่อกับมหาวิทยาลัยอื่นๆ เพื่อค้นหาข้อมูลที่กำลั
ศึกษาอยู่ได้ ทั้งที่ข้อมูลเป็นข้อความ เสียง ภาพเคลื่อนไหวต่าง ๆ เป็นต้น
·   ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ
·   สามารถซื้อขายสินค้าผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
·   ผู้ใช้ที่เป็นบริษัทหรือองค์กรต่างๆก็สามารถเปิดให้บริการและสนับสนุนลูกค้าของตนผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ เช่น การให้คำแนะนำ สอบถามปัญหาต่างๆ ให้แก่ลูกค้า แจกจ่ายตัวโปรแกรมทดลองใช้ (Shareware) หรือโปรแกรมแจกฟรี (Freeware) เป็นต้น
· การพักผ่อนหย่อนใจ สันทนาการ เช่น การค้นหาวารสารต่างๆ ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เรียกว่า Magazine Online รวมทั้งหนังสือพิมพ์และข่าวสารอื่นๆ โดยมีภาพประกอบที่จอคอมพิวเตอร์เหมือนกับวารสาร ตามร้านหนังสือทั่วๆ ไป
·    สามารถฟังวิทยุผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้
·    สามารถดึงข้อมูล (Download) ภาพยนตร์ตัวอย่างทั้งภาพยนตร์ให่และเก่ามาดูได้

โทษของอินเทอร์เน็ต
โรคติดอินเทอร์เน็ต (Webaholic)


อาการของโรคติดอินเทอร์เน็ต มีดังนี้
·               รู้สึกหมกหมุ่นกับอินเทอร์เน็ต แม้ในเวลาที่ไม่ได้ต่อกับอินเทอร์เน็ต
·               มีความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเวลานานขึ้น
·               ไม่สามารถควบคุมการใช้อินเทอร์เน็ตได้
·               รู้สึกหงุดหงิดเมื่อต้องใช้อินเทอร์เน็ตน้อยลงหรือหยุดใช้
·               ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นวิธีในการหลีกเลี่ยงปัญหาหรือคิดว่าการใช้อินเทอร์เน็ตทำให้ตนเองรู้สึกดีขึ้น
·               หลอกคนในครอบครัวหรือเพื่อน เรื่องการใช้อินเทอร์เน้ตของตัวเอง
·               การใช้อินเทอร์เน็ตทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการสูญเสียงาน การเรียนและความสัมพันธ์ยังใช้อินเทอร์เน็ตถึงแม้ว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก
·               มีอาการผิดปกติ อย่างเช่น หดหู่ กระวนกระวายเมื่อเลิกใช้อินเทอร์เน็ต
·               ใช้เวลาในการใช้อินเทอร์เน็ตนานกว่าที่ตัวเองตั้งใจไว้

เรื่องอนาจารผิดศีลธรรม 
ปัจจุบันเรื่องของข้อมูลต่างๆ ที่มีเนื้อหาขัดต่อศีลธรรม ลามกอนาจาร หรือรวมถึงภาพโป๊เปลือย รวมทั้งคลิปวีดิดอต่าง ๆ เป็นที่โจ่งแจ้งบนอินเทอร์เน็ตและสิ่งเหล่านี้สามารถเข้าสู่เด็กและเยาวชนได้ง่ายโดยผู้ปกครองไม่สามารถที่จะให้ความดูแลได้เต็มที่ เพราะว่าอินเทอร์เน็ตนั้นเป็นโลกที่ไร้พรมแดนและเปิดกว้างทำให้สื่อเหล่านี้สามารถเผยแพร่ไปได้รวดเร็วจนเราไม่สามารถจับกุมหรือเอาผิด ผู้ที่ทำสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาได้

ไวรัส ม้าโทรจัน
·               ไวรัส เป็นโปรแกรมอิสระ ซึ่งจะสืบพันธ์โดยการจำลองตัวเองให้มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อที่จะทำลายข้อมูล หรืออาจทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานช้าลงโดยการแอบใช้สอยหน่วยความจำหรือพื้นที่ว่างบนดิสก์โดยพลการ
·               ม้าโทรจัน เป็นตำนานนักรบที่ซ่อนตัวอยู่ในม้าไม้แล้วแอบเข้าไปในเมืองจนกระทั่งยึดเมืองได้สำเร็จ โปรแกรมนี้จะทำหน้าที่ไม่พึงประสงค์มันจะซ่อนตัวอยู่ในโปรแกรมที่ไม่ได้รับอนุญาต มันมักจะทำในสิ่งที่เราไม่ต้องการและสิ่งที่มันทำนั้นไม่มีความจำเป็นต่อเราด้วย
·               หนอนอินเทอร์เน็ต ถูกสร้างขึ้นโดย Robert Morris, Jr. จนดังกระฉ่อนไปทั่วโลก มันคือโปรแกรมที่จะแพร่พันธ์โดยการจำลองตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ จากระบบหนึ่งครอบครองทรัพยากรและทำให้ระบบช้าลง





วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2554

ความรู้เรื่อง Search Engine

Search Engine คือ

เสิร์ชเอนจิน (search engine) หรือ โปรแกรมค้นหา และคือ โปรแกรมที่ช่วยในการสืบค้นหาข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต โดยครอบคลุมทั้งข้อความ รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว เพลง ซอฟต์แวร์ แผนที่ ข้อมูลบุคคล กลุ่มข่าว และอื่น ๆ ซึ่งแตกต่างกันไปแล้วแต่โปรแกรมหรือผู้ให้บริการแต่ละราย. เสิร์ชเอนจินส่วนใหญ่จะค้นหาข้อมูลจากคำสำคัญ (คีย์เวิร์ด) ที่ผู้ใช้ป้อนเข้าไป จากนั้นก็จะแสดงรายการผลลัพธ์ที่มันคิดว่าผู้ใช้น่าจะต้องการขึ้นมา ในปัจจุบัน เสิร์ชเอนจินบางตัว เช่น กูเกิล จะบันทึกประวัติการค้นหาและการเลือกผลลัพธ์ของผู้ใช้ไว้ด้วย และจะนำประวัติที่บันทึกไว้นั้น มาช่วยกรองผลลัพธ์ในการค้นหาครั้งต่อ ๆ ไป




รายชื่อเสิร์ชเอนจินเรียงลำดับตามความนิยม



สัดส่วนของผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกา 
  1. กูเกิล (Google) 49.2%
  2. ยาฮู (Yahoo!) 23.8%
  3. เอ็มเอสเอ็น (MSN ) 9.6%
  4. เอโอแอล (AOL) 6.3%
  5. อาส์ก (Ask) 2.6%
      6.  อื่นๆ 8.5%


เสิร์ชเอนจินอื่นๆ

  • ไป่ตู้ (Baidu) เสิร์ชเอนจิน อันดับ 1 ของประเทศจีน
  • Cuil
  • ยานเดกซ์ (Yandex) เสิร์ชเอนจิน อันดับ 1 ของรัสเซีย


เสิร์ชเอนจินในอดีตที่ยกเลิกการใช้งานแล้ว

ในประเทศไทยมีการพัฒนาเครื่องมือค้นหาของไทยในชื่อ สรรสาร พัฒนาโดยเนคเทค

ประเภทของเครื่องมือค้นหา
Catalog based search engine เป็นโปรแกรมสืบค้นข้อมูลในอินเทอร์เน็ตชนิดหนึ่ง โดยโปรแกรมจะรวบรวม และแยกจัดเก็บเว็บไว้ในฐานข้อมูลตามประเภทหัวข้อของเว็บ เมื่อผู้ใช้มาค้นหา ก็จะสามารถเข้าไปดูตามหัวข้อต่าง ๆ แล้วดูหัวข้อย่อย ๆ เข้าไปอีกจนกว่าจะเจอหัวข้อหรือเรื่องที่ต้องการ ตัวอย่าง catalog based search engine คือ Yahoo เป็นต้น ซึ่งจะต่างกับ query based search engine ที่จะต้องพิมพ์คำค้นหาเพื่อตรวจสอบกับฐานข้อมูลว่ามีข้อมูลนี้หรือไม่ ถ้ามีก็จะแสดงรายชื่อออกมา

หลักการทำงานของเสิร์ชเอนจิน

  • การตรวจค้นหาข้อมูลในเว็บเพจต่างๆ
  • ทำหน้าที่ในการรวบรวมข้อมูลที่ได้ทำการตรวจค้นไว้ในฐานข้อมูล
  • การแสดงผลการค้นหาข้อมูล

        Web Search Engine


ความรู้เรื่อง Youtube



YouTube พลิกโฉมโลกออนไลน์
YouTube เป็นเว็บไซต์ที่สร้างปรากฏการณ์และความฮือฮาบนโลกอินเทอร์เน็ตตลอดทั้งปีที่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อ Google ยักษ์ใหญ่เว็บเครื่องมือค้นหาบนอินเทอร์เน็ตชื่อดัง ตัดสินใจทุ่มเงินถึง 1.65 พันล้านดอลลาร์ ซื้อเว็บแห่งนี้ หลังจากที่เว็บนี้เพิ่งก่อตั้งมาได้เพียง 21 เดือน 

YouTube เป็นเว็บรวมคลิปวิดีโอ ที่ใครๆ ก็สามารถจะอัพโหลดคลิปวิดีโอขึ้นไปไว้บนบนเว็บดังกล่าว เพื่อให้ทุกคนได้ดูฟรี ผู้ใช้ YouTube สามารถเปิดดูวิดีโอบนเว็บดังกล่าวได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องมีการดาวน์โหลดซอฟต์แวร์เพื่อดูวิดีโอใดๆ ทั้งสิ้น และไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนหรือสมัครเข้าใช้บริการแต่อย่างใด 

YouTube จึงนับเป็น “สื่อใหม่” อีกประเภทหนึ่ง แต่ยังมีความเป็น “สื่อสารมวลชน” แบบดั้งเดิม และเป็นสื่อที่สามารถใช้ได้ทุกเพศทุกวัย 



(ผู้ก่อตั้ง YouTube)

เนื่องจากใครๆ ก็สามารถจะอัพโหลดไฟล์วิดีโอขึ้นไปฝากไว้บน YouTube ได้ โดยไม่ต้องผ่านการตรวจคัดกรองใดๆ ทำให้เว็บนี้เต็มไปด้วยคลิปวีดีโอทั้งดีเด่นและแปลกประหลาดมากมาย ทั้งยังสามารถดูกันได้ฟรีๆ ทำให้ YouTube กลายเป็นเว็บยอดฮิตที่โด่งดังสุดขีด ในฐานะของเว็บที่ติดดิน และมีลักษณะเป็นชุมชนออนไลน์อย่างแท้จริง คลิปวิดีโอที่เผยแพร่อยู่ในเว็บแห่งนี้ แพร่หลายในหมู่คนดูนักท่องเว็บอย่างรวดเร็ว ราวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส 

ส่วนคลิปวิดีโอโฆษณาที่อยู่ในหน้าโฮมเพจของ YouTube ก็ดูไม่เหมือนโฆษณาเอาเลย เว็บนี้ยังไม่มีวิดีโอลามกอนาจารให้ต้องร้อนใจ เพราะหากมีใครอัพโหลดคลิปลามกอนาจารขึ้นไปที่ YouTube ผู้ใช้ YouTube จะรีบแจ้งให้ผู้ดูแลเว็บทราบทันที และสามารถลบคลิปที่ไม่เหมาะสมออกได้โดยเร็ว 

นักโฆษณารายใหญ่ๆ ต่างหันมาสนใจที่จะลงโฆษณาบน YouTube ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ Google ยอมจ่ายแพงขนาดนั้นเพื่อซื้อเว็บนี้ เพราะขอเพียงแค่ให้ YouTube ได้รับเม็ดเงินโฆษณา เพียงร้อยละ 10 ของงบโฆษณาทางโทรทัศน์ ที่จำนวน 54,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีเท่านั้น เงินที่ Google ลงทุนไปในการซื้อ YouTube เพียง 1.65 พันล้านดอลลาร์ ก็จะเป็นการลงทุนที่คุ้มแสนจะคุ้ม 

อย่างไรก็ตาม 2 ผู้บริหาร YouTube คือ Chad Hurley ในฐานะ CEO และ Steve Chen ซึ่งดูแลด้านเทคโนโลยี ยังต้องพิสูจน์ว่า เว็บของพวกเขา ซึ่งยังคงไม่มีกำรี้กำไรมากนัก จะสามารถสร้างรายได้มหาศาลได้จริงๆ และยังจะต้องพิสูจน์ด้วยว่า เว็บของพวกเขาจะไม่ประสบชะตากรรมเดียวกับ broadcast.com เว็บวิดีโอออนไลน์ ซึ่งเคยถูก Yahoo! ซื้อไปด้วยเงิน 5.7 พันล้านดอลลาร์ในปี 1999 แต่บัดนี้ได้สิ้นชื่อไปแล้ว 

สิ่งที่น่าติดตาม YouTube ยังอาจจะพังทลาย จากการถูกรุมฟ้องร้องข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ จากเจ้าของคลิปวิดีโอที่ถูกนำมาลงใน YouTube โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของ 

Chad Hurley วัย 29 ปี CEO ของ YouTube เกิดและเติบโตในเมือง Birdsboro รัฐ Pennsylvania เขาเป็นลูกชายคนกลางของพ่อซึ่งเป็นที่ปรึกษาการเงิน และแม่ซึ่งเป็นครู ตั้งแต่เด็กมาแล้ว เขาใช้เวลาหลายชั่วโมงฝังตัวเองอยู่กับการเรียนรู้เรื่องการออกแบบเว็บ การเล่นเกมออนไลน์ และการทดลองทำภาพแอนิเมชั่น 

ปี 1999 ทันทีที่ Hurley จบจาก Indiana University of Pennsylvanai ซึ่งเขาได้เปลี่ยนวิชาเอกจากคอมพิวเตอร์ศาสตร์ ไปเป็นกราฟิกดีไซน์และงานพิมพ์ เขาก็ได้เข้าทำงานกับPayPal บริษัทตั้งใหม่ในขณะนั้น ซึ่งกำลังพยายามคิดค้นวิธีที่จะทำให้ผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์มือถือ PDA สามารถโอนเงินระหว่างกันได้ 

งานชิ้นแรกของ Hurley ในบริษัทแรกที่เขาเข้าทำงานคือ ออกแบบโลโก้ของบริษัท ซึ่งยังคงเป็นโลโก้ที่ PayPal ยังคงใช้อยู่จนถึงทุกวันนี้ ผลงานการออกแบบโลโก้ดังกล่าว ทำให้ Hurley ได้รับตำแหน่งนักออกแบบมือหนึ่งของบริษัทในทันที ส่วน PayPal ซึ่งขณะนี้กลายเป็นบริษัทดูแลระบบรักษาความปลอดภัยธุรกรรมการเงินออนไลน์ ไปเข้าตา eBay เว็บประมูลชื่อดัง ซึ่งได้ทุ่มซื้อบริษัทนี้ไปในปี 2002 ด้วยเงิน 1.54 พันล้านดอลลาร์ 





การทำงานที่ PayPal ทำให้ Hurley ได้พบเพื่อน 2 คนคือ Steve Chen และ Jawed Karim 2 วิศวกรคอมพิวเตอร์ของ PayPal ทั้งสามมักคุยกันถึงเรื่องการก่อตั้งธุรกิจใหม่เสมอๆ 

อย่างไรก็ตาม Karim วัย 27 ได้เกิดขัดแย้งกับ Hurley และ Chen และขณะนี้เขาได้แยกตัวไปเรียนต่อปริญญาโทคอมพิวเตอร์ศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย Stanford ตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว แม้ว่า Karim จะยังคงมีชื่ออยู่บนเว็บ YouTube ในฐานะ 1 ใน 3 ผู้ก่อตั้งเว็บนี้ แต่ในประวัติความเป็นมาของเว็บแห่งนี้ กลับไม่มีชื่อของ Karim 

ประวัติของเว็บ YouTube ซึ่งเป็นที่แพร่หลายโดยทั่วไปเล่าว่า Hurley กับ Chen เกิดไอเดียที่จะทำเว็บที่สามารถแลกเปลี่ยนคลิปวิดีโอออนไลน์ หลังจากที่พวกเขาเจอปัญหาในการพยายามที่จะส่งคลิปวิดีโองานปาร์ตี้ ซึ่งจัดที่อพาร์ตเมนต์ของ Chen ในซานฟรานซิสโก ที่เพิ่งถ่ายเสร็จสดๆ ร้อนๆ ขึ้นไปไว้บนเน็ต เพื่อให้คนอื่นๆ ได้ชม 

ในตอนแรก ทั้งสามเพียงคิดอยากจะทำเว็บแบบ HOTorNOT.com เว็บหาคู่รักออนไลน์ แต่ต้องการให้มีภาพวิดีโอ แทนที่จะมีแต่ภาพนิ่ง ซึ่งคล้ายๆ กับที่มีใน MySpace เว็บรวม webblog ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างสูงในหมู่วัยรุ่นยุคนี้ 

อย่างไรก็ตาม ความคิดที่จะทำ HOTor NOT เวอร์ชั่นวิดีโอ ก็พับไปภายในเวลาไม่กี่เดือน ก่อนที่จะเปลี่ยนไปเป็นการคิดทำเว็บ ที่จะช่วยให้ใครๆ สามารถนำวิดีโอมาฝากบนเว็บเพื่อประมูลขาย ซึ่งก็คือกำเนิดของ YouTube ในปี 2005 

แต่ปรากฏว่า ผู้ใช้ต่างอัพโหลดวิดีโอทุกอย่างขึ้นไปไว้บน YouTube ตามแต่ใจต้องการ นอกจากนี้ ยังพบว่า วัยรุ่นจำนวนมากทำ link มาที่ YouTube จาก blog ของตนที่อยู่ใน MySpace ซึ่งทำให้ YouTube พลอยเติบโตตามไป MySpace ไปด้วย 
สุดท้าย ผู้ก่อตั้ง YouTube ก็ต้องยอมแพ้ และปรับแนวคิดของ YouTube ใหม่ และนั่นก็คือการถือกำเนิดขึ้นอย่างแท้จริงของ YouTube ในฐานะเว็บรับฝากคลิปวิดีโอทุกชนิด ที่ทุกคนสามารถดูได้ฟรี 

ภายในเวลาไม่กี่เดือนต่อจากนั้น ก่อนหน้าที่คลิปวิดีโอช่วง Lazy Sunday ของรายการ Saturday Night Live จะเป็นคลิปที่ทำให้ยอดผู้เข้าเว็บ YouTube พุ่งกระฉูดถึงร้อยละ 83 ในเดือนธันวาคมปีที่แล้วด้วยซ้ำ นักลงทุนอย่าง Time Warner และ Sequoia Capital บริษัทลงทุนจาก Menlo Park ก็เริ่มสนใจที่จะลงทุนใน YouTube 

ขณะที่บริษัทโฆษณารายใหญ่ๆ ก็เริ่มสนใจ YouTube หลังจากที่โฆษณาของ Nike ที่ไม่มีอะไรเหมือนโฆษณาเลย ที่เป็นภาพของ Ronaldinho นักฟุตบอลชื่อก้องโลกของบราซิล ได้กลายเป็นคลิปวิดีโอยอดฮิตบน YouTube ทำให้ Sequoia ซึ่งเคยลงทุนใน Apple, Google และบริษัทไฮเทคอีกหลายแห่งมาก่อน เริ่มเข้ามาลงทุนใน YouTube เป็นครั้งแรกในปีที่แล้ว ด้วยเม็ดเงิน 8.5 ล้านดอลลาร์ 




ความสำเร็จของ YouTube เกิดจากความสามารถที่เป็นส่วนเสริมซึ่งกันและกันของ Hurley กับ Chen ชื่อเว็บที่ฟังดูย้อนยุคนิดๆ โลโก้ง่ายๆ และการที่เว็บให้ความรู้สึกที่แปลกแตกต่าง แต่รวดเร็วและง่ายที่สุด 

แม้จะถูกกดดันจากนักโฆษณา แต่ทั้งสองกลับยืนหยัดในจุดยืน ที่จะไม่ยอมให้ผู้ใช้ต้องถูกบังคับให้ดูโฆษณา ในขณะที่รอดูวิดีโอบน YouTube ทำให้ YouTube สามารถรักษาภาพลักษณ์การเป็นชุมชนออนไลน์ที่แท้จริงเอาไว้ได้ โดยไม่กลายไปเป็นเพียงแค่สื่อแบบยุคเก่า ที่ไม่ได้เป็นของชุมชนอย่างแท้จริง

แต่ YouTube จะรักษาภาพลักษณ์เว็บใต้ดินอย่างนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน ในเมื่อขณะนี้มีฐานะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของอาณาจักร Google อันยิ่งใหญ่เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผู้บริหาร Google รีบส่งสัญญาณต่อภายนอกทันทีว่า YouTube จะยังคงเป็นอิสระจาก Google 

นอกจากนี้ ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของ YouTube ยังคงเป็นเรื่องการที่อาจจะถูกฟ้องร้องเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ จากเจ้าของคลิปวิดีโอที่ถูกละเมิดสิทธิ์บน YouTube ซึ่งแม้แต่ Google เองก็ยอมรับว่า หาก YouTube ถูกรุมฟ้องร้อง ก็อาจสร้างความเสียหายทางการเงินได้ไม่น้อย 

YouTube จะรอดสันดอนทางด้านกฎหมายนี้ไปได้หรือไม่ หรือจะเจอปัญหาแบบเว็บ Napster ในอดีต หรืออาจจะต้องสิ้นชื่อไปอย่าง Broadcast.com หรือไม่นั้น ยังเป็นเรื่องที่จะต้องรอดูกันต่อไปด้วยความระทึกใจ ไม่ผิดกับการดูคลิปวิดีโอบนเว็บยอดฮิตแห่งนี้